การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้ไขสายตา | (Refractive Lens Exchange: RLE)
- พญ.พรรักษ์ ศรีพล
- 27 เม.ย.
- ยาว 2 นาที
By พญ.พรรักษ์ ศรีพล จักษุแพทย์

บทนำ
การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้ไขสายตา (Refractive Lens Exchange: RLE) เป็นการผ่าตัดแก้ไขสายตาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ตามด้วยการแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ (Laser Vision Correction: LVC) และการใส่เลนส์เสริมในตา (phakic intraocular lenses: pIOLs) จากรายงาน EUROQUO Annual Report ปี 2022–23 พบว่า การผ่าตัด RLE คิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของการผ่าตัดแก้ไขสายตาทั้งหมดที่มีการรายงาน บทความนี้จะรีวิวเกี่ยวกับ RLE ทั้งในด้านนิยามและขั้นตอนการผ่าตัด, ข้อบ่งชี้ทางคลินิก, ประเภทของเลนส์แก้วตาเทียม (Intraocular Lenses: IOLs) ที่ใช้, ข้อดีและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง, แนวทางการคัดเลือกและให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย และบทสรุปบทบาทของ RLE ในการผ่าตัดแก้ไขสายตาในยุคปัจจุบัน
Refractive Lens Exchange (RLE) คืออะไร และทำไมจึงได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลัง?
Refractive Lens Exchange (RLE) หรือที่เรียกว่า "การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาใส" เป็นการผ่าตัดที่นำเลนส์ธรรมชาติของตาออกแล้วแทนที่ด้วยเลนส์แก้วตาเทียม (IOL) เพื่อแก้ไขความผิดปกติของสายตา เช่น สายตาสั้นมาก สายตายาวมาก สายตาเอียง และสายตายาวตามอายุ เดิมที RLE เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำเลสิก (LASIK) หรือ PRK ได้ แต่ปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดและการพัฒนาเลนส์ที่ล้ำสมัยในระยะหลัง RLE ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่มีสายตายาวหรือสายตาสั้นมากอีกต่อไป แต่ยังขยายขอบเขตถึงผู้ที่มีสายตายาวตามอายุ (Presbyopia) โดยช่วยแก้ไขทั้งการมองไกลและมองใกล้ ซึ่งการผ่าตัดเลเซอร์ที่กระจกตาอย่าง LASIK ไม่สามารถแก้ไขได้เต็มที่นอกจากนี้ RLE ยังให้คุณภาพการมองเห็นที่เหนือกว่าสำหรับผู้ที่มีสายตาเอียงมากหรือค่าสายตาสูง ๆ ที่เลเซอร์อาจไม่สามารถแก้ไขได้สมบูรณ์ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกในอนาคต เนื่องจากได้เปลี่ยนเลนส์แก้วตาตั้งแต่เนิ่น ๆโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 43 ปี RLE ตอบโจทย์ความต้องการในการมองเห็นที่ครอบคลุมทั้งระยะไกลและใกล้ ทำให้ปัจจุบันมีการให้ความรู้กับผู้ป่วยมากขึ้น และทำให้ RLE ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
ใครบ้างที่เหมาะสมกับการผ่าตัด RLE
ผู้ที่เหมาะสมกับการผ่าตัด RLE คือผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งมีค่าสายตาผิดปกติมาก เช่น สายตายาวหรือสายตาสั้นระดับสูง และไม่เหมาะสมกับการทำเลเซอร์ที่กระจกตา เช่น LASIKกลุ่มที่ได้ประโยชน์สูง ได้แก่ ผู้ที่มีสายตายาวประมาณ +3.00 ถึง +4.00 ไดออปเตอร์ และผู้ที่ต้องการแก้ไขทั้งการมองใกล้และมองไกลพร้อมกัน นอกจากนี้ผู้ที่มีประวัติการหลุดของวุ้นตาหลัง (posterior vitreous detachment) อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดจอตาหลุดต่ำลงหลังการผ่าตัด RLE จึงเหมาะสำหรับสายตาสั้นสูงบางรายทั้งนี้ ต้องมีสภาพผิวกระจกตาและน้ำตาที่ดี ไม่มีโรคตาแทรกซ้อน เช่น ต้อหินที่ควบคุมไม่ได้ โรคกระจกตาเสื่อม หรือการอักเสบในลูกตา นอกจากนี้ยังต้องมีสุขภาพร่างกายทั่วไปดี เช่น เบาหวานที่ควบคุมได้ และมีความคาดหวังที่เหมาะสมต่อผลลัพธ์หลังผ่าตัด
ข้อห้ามในการทำ RLE
ข้อห้ามทางตา: โรคกระจกตา (เช่น กระจกตาเสื่อม มีแผลเป็น), จอประสาทตาเสื่อม, เบาหวานขึ้นจอประสาทตา, ความเสี่ยงต่อการหลุดของจอตาสูง (เช่น lattice degeneration, lacquer cracks), โรคตาอักเสบ (เช่น uveitis)
ข้อห้ามด้านระบบร่างกาย: ต้อหินที่ควบคุมไม่ได้, เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
ข้อพิจารณาอื่น ๆ: ผิวกระจกตาและน้ำตาไม่แข็งแรง, ความคาดหวังของผู้ป่วยไม่สอดคล้องกับผลลัพธ์จริง
ประเภทของเลนส์แก้วตาเทียม (IOLs) ที่ใช้ใน RLE
การเลือกเลนส์แก้วตาเทียม (IOL) ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผ่าตัด RLE การใส่ IOL หลังการเอาเลนส์ธรรมชาติออกช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น พังผืดหลังเลนส์ (posterior capsular opacification) และการหลุดของจอตา
Multifocal IOLs: ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน ช่วยให้ผู้ป่วยมองเห็นได้ทั้งระยะไกล, กลาง และใกล้ แต่ข้อเสียคืออาจลด contrast sensitivity และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตาเอียงสูงหากไม่ใช้แบบ toric multifocal IOL
Accommodative IOLs: ออกแบบมาเลียนแบบการโฟกัสแบบธรรมชาติ เช่น Eyeonics Crystalens และ Synchrony AIOL แต่ผลลัพธ์ด้านการมองใกล้อาจไม่ดีเท่า multifocal IOLs และประสิทธิภาพอาจลดลงหากเกิดพังผืดที่ถุงเลนส์
Monofocal IOLs ร่วมกับการทำ Monovision: เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทน multifocal หรือ accommodative IOLs ได้ โดยการแก้ไขตาข้างหนึ่งให้มองไกล และอีกข้างให้มองใกล้
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน
การหลุดของจอตา (Retinal Detachment: RD): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง อัตราเกิด 1.5%–8% พบได้สูงในผู้ที่สายตาสั้นสูง, ผู้ชาย, ผู้ที่มีความยาวแกนตายาว และหลังทำ Nd:YAG capsulotomy
พังผืดหลังเลนส์ (Posterior Capsular Opacification: PCO): พบบ่อย แต่สามารถป้องกันได้ด้วยเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม หากเกิดขึ้นสามารถรักษาได้ด้วย Nd:YAG capsulotomy ซึ่งต้องระวังเพิ่มความเสี่ยง RD
เส้นเลือดใหม่ใต้จอประสาทตา (Choroidal Neovascular Membrane: CNVM): พบบ่อยในผู้ที่มี lacquer cracks หรือมี CNVM ในตาข้างตรงข้าม
บวมน้ำที่จุดภาพชัด (Cystoid Macular Edema: CME): เกิดขึ้นได้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังผ่าตัด โดยเฉพาะในผู้ป่วยสายตาสั้นสูง
การติดเชื้อภายในลูกตา (Endophthalmitis): แม้พบน้อย แต่เป็นภาวะรุนแรง ต้องป้องกันด้วยการรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด
การศึกษาทางคลินิกและข้อจำกัด
แม้ว่า RLE จะได้รับความคาดหวังสูง แต่ข้อมูลผลลัพธ์ระยะยาวยังมีจำกัด งานวิจัยขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักรโดย Hannan et al. พบว่า 86.2% ของผู้รับ multifocal IOLs มีค่าสายตาใกล้เป้าหมาย (±0.5D) แต่มีเพียง 42.9% ที่มองเห็นไกลโดยไม่ต้องใช้แว่นได้เทียบเท่าหรือดีกว่าก่อนผ่าตัด จึงเน้นความสำคัญของการให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยล่วงหน้าผู้ที่มีสายตายาวตามอายุเป็นกลุ่มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ RLE ส่วนในสายตายาวที่อายุน้อยควรพิจารณาเลเซอร์หรือ pIOLs เพื่อรักษาความสามารถในการปรับโฟกัสตามธรรมชาติในสายตาสั้นสูง ความเสี่ยงของการหลุดจอตายังคงเป็นข้อกังวลสำคัญ โดยการมี posterior vitreous detachment (PVD) ก่อนผ่าตัดอาจช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้
บทสรุปRLE
เป็นทางเลือกที่โดดเด่นในการแก้ไขสายตาที่หลากหลายและช่วยขจัดความจำเป็นในการผ่าตัดต้อกระจกในอนาคต ดัชนี Dysfunctional Lens Index เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการให้คำปรึกษาผู้ป่วยที่แม้เลนส์ยังใส แต่มีอาการเสื่อมสมรรถภาพของเลนส์การคัดเลือกผู้ป่วยอย่างรอบคอบ, การประเมินสภาพตาก่อนผ่าตัดอย่างละเอียด และการใช้เทคนิคการผ่าตัดขั้นสูง เช่น การสลายเลนส์ด้วยแผลขนาดเล็ก (micro-incisional phacoemulsification) เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จอย่างไรก็ตาม การชี้แจงความเสี่ยงและประโยชน์ต่อผู้ป่วยอย่างละเอียด เป็นหัวใจสำคัญในการทำให้ผลลัพธ์เป็นไปตามความคาดหวัง
Reference
European Society of Cataract & Refractive Surgeons. (2023). Annual report 2022: Based on data from the European Registry of Quality Outcomes for Cataract and Refractive Surgery (EUREQUO). https://www.escrs.org/media/vospk2gx/eurequo-annual-report-2022-2023_final.pdf
Stephenson, M. (2022, November 10). A review of refractive lens exchange: Age and refractive error are the main factors when surgeons consider this procedure. Review of Ophthalmology. https://www.reviewofophthalmology.com/article/a-review-of-refractive-lens-exchange
Kaweri, L., Wavikar, C., James, E., Pandit, P., & Bhuta, N. (2020). Review of current status of refractive lens exchange and role of dysfunctional lens index as its new indication. Indian Journal of Ophthalmology, 68(12), 2797–2803. https://doi.org/10.4103/ijo.IJO_2259_20
Chan, E., & Varma, S. (2024). Refractive lens exchange – the evidence behind the practice. Eye, 39, 208–209. https://doi.org/10.1038/s41433-024-02713-4
Comments